Diary No. 4
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
wednesday, 10 January , 2559 Time 08.30 - 12.30
ความรู้ที่ได้รับ
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language Disorders )
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดหมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียง
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาดเพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้มเสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
3. ความบกพร่องของเสียงพูด ความบกพร่องของระดับเสียงเสียงดังหรือค่อยเกินไปคุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย มีความยากลำบากในการใช้ภาษามีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยคไม่สามารถสร้างประโยคได้มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง อ่านไม่ออก (alexia) เขียนไม่ได้ (agraphia) สะกดคำไม่ได้ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิงจำคำหรือประโยคไม่ได้ไม่เข้าใจคำสั่ง
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง อ่านไม่ออก (alexia) เขียนไม่ได้ (agraphia) สะกดคำไม่ได้ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิงจำคำหรือประโยคไม่ได้ไม่เข้าใจคำสั่ง
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้ หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรงมีปัญหาทางระบบประสาท
โรคลมชัก (Epilepsy)เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปากเมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ Partial Complexมีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาทีเหม่อนิ่ง เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูดหลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial) เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal) เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็งไม่จับยึดตัวเด็กขณะชักหาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจาปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่งจัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวมห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
ซี.พี. (Cerebral Palsy)
การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
spastic paraplegia อัมพาตครึ่งท่อนล่าง
spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง(athetoid , ataxia)
athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed) กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่ จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic) ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุกระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญายืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus ) โรคหัวใจ (Cardiac Conditions) โรคมะเร็ง (Cancer) เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus ) โรคหัวใจ (Cardiac Conditions) โรคมะเร็ง (Cancer) เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว ท่าเดินคล้ายกรรไกร เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว หกล้มบ่อย ๆหิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ
ประยุกต์ใช้ในการสอนเด็กพิเศษว่ามีเเนวทางการให้ความรู้อย่างไรในวิธีการสอนเด็ก
classroom atmosphere (บรรยากาศในห้องเรียน)
อากาศค่อนข้างเย็น เพื่อนคุยบ้างเล็กน้อย เพื่อนให้ความร่วมมือในการทำฟังคำบรรยาย
Self-Assessment (ประเมินตนเอง)
แต่งตัวเรียบร้อย มาไม่สาย
friend-Assessment (ประเมินเพื่อน)
มีกิจกรรมที่น่าสนใจ และคอยช่วยหลือเรื่องอุปกรณ์กับนักศึกษา เป็นผู้อำนวยการเรียนรู้อย่างดี
Teacher-Assessment (ประเมินครู)
เเต่งกายสุภาพสอนเข้าใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น